เทพเจ้าประจำดาวนพเคราะห์ จะทรงผลัดเปลี่ยนกันลงมาตรวจโลกตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน บุคคลใดมีความประพฤติตั้งอยู่ใน กุศลกรรมวิถี ก็จะทรงประทานพรอำนวยความสมบูรณ์พูนสุขให้ หากบุคคลใดประพฤติในทาง อกุศลกรรมวิถี ก็จะลงโทษตามสมควร เทพเจ้าแห่งดาวนพเคราะห์ ทรงมีพระคุณต่อโลกเป็นเอนกประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม และธาตุทอง ที่พระองค์ได้ประทานมาให้แก่มวลสรรพสิ่งในโลกล้วนเป็นสิ่งจำเป็นในสรรพสังขาร
มนุษย์ ถ้าหากไม่มีธาตุลม ก็ถึงแก่ความตาย
มัจฉาชาติ ถ้าหากไร้ธาตุน้ำเป็นที่อาศัย ก็ต้องตาย
พฤกษาชาติ ถ้าหากหมดธาตุดิน ก็อับเฉากิ่งใบแห้งเหี่ยวตาย
สัตว์โลก ถ้าหากสูญสิ้นธาตุไฟในร่างกาย ก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้
เศรษฐกิจการค้า อันเป็นหัวใจสำคัญของมนุษย์ในโลกปัจจุบัน ถ้าหากขาดธาตุทองก็ไม่สามารถดำเนินกิจการลุล่วงไปได้
ปวงสรรพสิ่งในโลกไม่ว่ามาจาก อุปปัตติกำเนิด(เกิดขึ้นเอง) ชลาพุชะกำเนิด(เกิดจากน้ำ) อัณฑชะกำเนิด(เกิดจากฟองไข่แล้วฟักเป็นตัว) โยนิกำเนิด(เกิดในมดลูก) รวมทั้งสรรพสังขารอันได้แก่ อุปาทินนกสังขาร(สังขารที่มีใจครอง) และอนุปาทินนกสังขาร(สังขารที่ไม่มีใจครอง) ล้วนอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเทพเจ้าทั้ง ๙ ทั้งสิ้น
บุคคลทุกคนนับตั้งแต่ พระราชา ตลอดลงมาจนถึงสามัญชน ถ้ามีความประพฤติไปในทางอกุศลดังกล่าวข้างต้น มีพฤติการณ์ปลูก เหตุอกุศล ก็จักได้รับ ผลอกุศล ที่ได้หว่านไว้นั้นเอง เช่น
๑. พระราชา ไม่ทรงตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม โดยปราศจากเมตตากรุณาต่อข้าราชบริพาร และราษฎร ในที่สุดก็ต้องสูญเสียราชบัลลังก์ ทั้งนี้ก็เนื่องด้วยพระองค์ปลูกเหตุอกุศลไว้ ก็ทรงรับผลอกุศลตามสนอง
๒. ข้าราชบริพาร ไม่ภักดีซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติและพระมหากษัตริย์ ฉ้อราษฎร์บังหลวง ในที่สุดก็ต้องถูกยึดทรัพย์สิ้น ทั้งนี้เพราะตนได้ปลูกเหตุอกุศลไว้ และผลอกุศลนั้นตามสนอง
๓. บิดา ไม่ความอุปการะแก่บุตร ไม่รับรองหรือไม่เลี้ยงดูบุตรตามสถานะ ในที่สุดก็เป็นผู้ปราศจากลูกหลานช่วยเหลือ
๔. บุตร ไม่มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ให้กำเนิด ในที่สุดบุตรของตัวเอง จะสนองตนด้วยความอกตัญญูเช่นกัน
๕. พี่ ไม่มีความอารีอารอบเอ็นดูต่อน้อง ในที่สุดก็จะยังผลร้ายให้ คือตัดมือตัดเท้าตนเอง จะไปหาใครหรือผู้อื่นที่มีความสนิทสนมไว้วางใจได้เท่ากับน้องไม่มีอีกแล้ว
๖. น้อง ไม่เคารพนับถือยำเกรงพี่ ผู้ที่เคยเอื้อเฟื้อมาแต่น้อยอีกทั้งมีอาวุโสกว่า และดื่มนมมารดามาด้วยกัน ในที่สุดบรรดาวงศาคณาญาติก็ตัดขาดจากตน
๗. สามี ไม่เลี้ยงดูภริยาอย่างเป็นธรรม ไม่นำพากิจในครอบครัว เอาแต่สนุกเที่ยวเตร่ ดื่มเหล้าเมายา ในที่สุดเรือนที่ตนเองพำนักอยู่นั้นจะทะลายลง
๘. ภริยา ไม่ครองตนเป็นแม่บ้าน ประพฤติเล่นการพนัน สามีหาเงินมาเท่าใดไม่พอใช้ กลับเที่ยวหยิบยืมผู้อื่นมีหนี้สิน ในที่สุดก็เป็นคนมีเสนียดเป็นที่รังเกียจทั่วไป
๙. มิตร ไม่ซื่อตรง ไม่มีความจริงใจต่อเพื่อน และ
๑๐. สหาย คิดคดทรยศต่อเกลอ ทั้งสองประเภทนี้ในที่สุดก็จะถูกตัดออกจากหมู่สังคมไป
ความว่า พระราชาก็ดี ข้าราชบริพารก็ดี บุคคลทั่วไปก็ดี ควรจะลดละอกุศลกรรม ที่กล่าวมาเบื้องต้น และเพียรสะสมแต่สิ่งที่ดีงามเพื่อรับพรจากเทพเจ้าทั้ง ๙ พระองค์ อันจักนำมาซึ่งความรุ่งเรืองผาสุขยิ่งๆขึ้นไป
เทพเจ้าทั้ง ๙ พระองค์นี้ ทรงมีน้ำพระทัยเต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา ทรงควบคุมดาวนพเคราะห์ให้เดินตามวิถีโคจรด้วยความบริบูรณ์ ทั้งทรงธรรมเนตรสอดส่องควบคุมทุกข์สุขของสัตว์โลกด้วย
บัณฑิตในโบราณ จึงได้บัญญัติไว้ให้มีการทำพิธีกรรมบูชาดาวนพเคราะห์นี้ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพในพระเมตตากรุณาธิคุณ เป็นงานประจำปีให้บรรดาพุทธบริษัทได้มาประชุมเพื่อบำเพ็ญกุศลวัตรถวายพุทธบริโภคกินเจ รักษาศิล สดับฟังพระอภิธรรมและพระธรรมเทศนา บริจาคไทยทานทิ้งกระจาด ลอยกระทง แผ่กุศลแก่สัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากในนรกอเวจีอันมีพวกเปรตอสุรกายเป็นอาทิ และปล่อยสัตว์เช่น นก ปลา เต่า เหล่านี้เป็นต้น
ในลัทธิมหายานยังมีอรรถาธิบายว่า ดาวพระเคราะห์ทั้ง ๙ นี้ ต่างทำหน้าที่หมุนเวียนธาตุทั้ง ๕ ให้แก่มวลมนุษย์นับเป็นเวลาหลายๆล้านปีโดยมิได้หยุดพักเลย ก็เนื่องด้วยทรงบัญชาบริรักษ์ควบคุมอยู่ และทรงเล็งทิพยญาณว่า ถ้าหากดาวนพเคราะห์จะหยุดพักแม้เพียงขณะใดขณะหนึ่งเล็กน้อยเท่านั้น ก็จะเกิดมหันตภัยอย่างใหญ่หลวงสุดจะประมาณได้ โลกมนุษย์ก็จะถึงซึ่งความพินาศสลายลง มนุษย์กับสัตว์โลกจะตายหมด จะไม่มีแม้แต่ละอองธุลีของสังขารเหลืออยู่เลย
อันพิธีกรรมบูชาดาวนพเคราะห์นั้น นับว่ามีอานิสงส์มากมาย ทั้งเป็นกรรมคติและเกิดธรรมนิมิตสู่บรรดาพระพุทธบริษัททั้งหลาย ได้มีโอกาสกระทำการวิสสาสะกันในยามที่ต่างคนต่างมีจิตเบิกบานผ่องแผ้ว ถือศีล กินเจ นุ่งขาว ห่มขาว อันเป็นปัจจัยเตือนตนเองให้สำนึกว่า ตนเป็นคนบริสุทธิ์ขาวสะอาด ทั้งกาย วาจา และใจ อยู่ในศีลธรรม และสามัคคีธรรม พรั่งพร้อมอยู่แล้วที่จะให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ร่วมกันน้อมนมัสการ เทพเจ้าทั้ง ๙ พระองค์นี้ เป็นการแสดงความเคารพในพระเมตตากรุณาธิคุณ และร่วมกันถวายเครื่องสักการบูชาพระองค์ทั้ง ๙ เป็นการบูชาพระเมตตาคุณที่ทรงไว้ซึ่งธาตุทั้ง ๕ ให้แก่โลกทุกโลกดำรงอยู่ตามจักรราษียั่งยืนตลอดมา จึงพร้อมกันน้อมขอพระกรุณาธิคุณได้โปรดประทานพระพรอภิบาลรักษาพระมหากษัตริย์องค์อมร พร้อมทั้งทวยนิกรให้อยู่เย็นเป็นสุข และขอพระองค์ทรงประสิทธิ์ประสาทพระพรไชย
ให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล
พืชธัญญาหารงอกงามพูนผล
พระราชาทรงพิพัฒนมงคล
ราชปริสชนสวัสดิ์สถาพร
ชาวนาชาวไร่สมัครสโมสร
มวลราษฎรระเริงรื่นยืนยง
เศรษฐกิจทั่วเขตต์ขันฑ์มั่นคง
การศึกษาดำรงวิทยาพูน
ประเทศชาติเรืองรุ่งไพบูลย์
พุทธศาสนาจำรูญกาลนิรันดร
อันเป็นพระทศพรไชยสิทธิ์วิเศษ สิบประการสมดังปรารถนาด้วยเทอญ |